สร้างยอดขาย และเพิ่มความนิยมให้แบรนด์ผ่านเสียงหัวเราะ และรอยยิ้ม (Humour Marketing)

“พวกเราทุกคนต่างผ่านปีที่ยากลำบากมากันทั่วโลก พวกเราขาดความสุข พวกเรากำลังโหยหาประสบการณ์ที่สร้างร้อยยิ้ม และเสียงหัวเราะ และแบรนด์สามารถช่วยพวกเราได้” กล่าวโดยเกร็ตเชน รูบิน นักเขียนบล็อกเกอร์และนักพูดด้านการพัฒนาตัวเอง 

หลังจากที่ทั่วโลกได้เผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก และความเครียดเป็นเวลา 2 ปีภายใต้สถานการณ์ Covid-19 และ Social Media กลายเป็นสิ่งที่สร้างความสุขให้กับผู้คนมากที่สุด จากการรายงานของ Oracle และ เกร็ตเชน รูบิน ผลการวิจัยได้กล่าวว่า 88% ของผู้คนกำลังมองหาประสบการณ์ใหม่ที่จะทำให้พวกเขายิ้มและหัวเราะ และเมื่อโลกกำลังเข้าสู่ในภาวะปกติ หรือยุค New Normal ผู้บริโภคต่างเฟ้นหาความสุข และเสียงหัวเราะมากยิ่งขึ้น และจากผลการวิจัยพบว่า 91% ของผู้คนชอบแบรนด์ที่ตลกมากกว่า และ 72% จะเลือกแบรนด์ที่ที่มีความตลก มากกว่าแบรนด์ที่เน้นการแข่งขัน ซึ่งแบรนด์สามารถนำความตลกเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการสร้างความสุข และเสียงหัวเราะเพื่อทำการตลาดกับผู้บริโภคได้ แต่จากการวิจัยพบว่า 95% ของผู้นำแบรนด์ต่างๆกลัวที่จะใช้ความตลกในการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า 

นอกจากนี้ จากผลการวิจัยยังได้กล่าวไว้อีกว่า ผู้คนที่กำลังเฟ้นหาความสุข ยินดีที่จะจ่ายในราคาที่แพงกว่า ถ้าแบรนด์ทำให้พวกเขายิ้มได้ เพราะ ผู้บริโภค 53% หวังว่าเงินจะสามารถซื้อความสุขให้กับพวกเขาได้ โดย 78% ยินดีที่จะจ่ายในราคาที่แพงกว่าเพื่อความสุขที่แท้จริง จากสถิตินี้อาจทำให้หลายๆแบรนด์เปลี่ยนความคิดที่จะมาใช้กลยุทธ์สร้างรอยยิ้ม หรือ Humour Marketing เพื่อเพิ่มยอดขาย และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship) ดังนั้นวันนี้ทาง Boost10X จะมาแนะนำแนวทางการใช้กลยุทธ์สร้างรอยยิ้ม (Humour Marketing) ร่วมกับการใช้กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) รวมถึงปรับปรุงช่องทางการตลาดบางช่องทางให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีกด้วย

สร้างรอยยิ้มด้วยการยิง Ads

ผลการวิจัยกล่าวว่า ผู้คน 90% มีแนวโน้มที่จะจำโฆษณาที่ตลกได้มากกว่า แต่ผู้นำแบรนด์ต่างๆกล่าวว่า มีเพียงแค่ 20% ของโฆษณาแบบออฟไลน์ และแค่ 18% ของโฆษณาออนไลน์ (Online Advertising)ของพวกเขาที่ใช้ความขบขัน ดังนั้นแบรนด์ต่างๆที่มีความคิดจะยิง Ads ไปยังแพลตฟอร์ม Social Media เช่น Facebook, Instagram, Youtube หรืออื่นๆ เพื่อเพิ่มการมองเห็น การรับรู้ หรือสร้างฐานลูกค้าใหม่ การทำ Ads ให้ตลก หรือขบขัน จะสามารถดึงดูดสายตาของผู้ใช้งานให้หยุดดูที่โฆษณาของเรา และจำแบรนด์ของเราได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น รวมถึงคลิกเข้ามาที่โฆษณาของเรา เพื่อที่จะทำความรู้จักกับแบรนด์ เพิ่มยอดการตอบสนอง ไปจนถึงยอดการซื้อสินค้า

ปรับปรุงอีเมลมาร์เก็ตติ้ง (Email Marketing) ให้ลูกค้าไม่เมินอีเมลของคุณ

หลายๆแบรนด์ที่ใช้กลยุทธ์อีเมลมาร์เก็ตติ้ง (Email Marketing) อาจจะเคยประสบปัญหายอดการเปิดอีเมล (Open Rates) หรือได้รับยอดการตอบสนอง (Brand Engagement) ที่ไม่น่าพอใจมากนัก จากการวิจัยระบุว่า 69% ของผู้ที่ได้รับอีเมลจะเปิดอีเมลจากแบรนด์ที่มีหัวเรื่องตลก แต่มีแบรนด์เพียง 24% เท่านั้นที่ใช้ความตลกในแคมเปญของอีเมลมาร์เก็ตติ้ง เพราะฉะนั้นความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) ในการสร้างหัวเรื่องเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ได้รับอีเมล เป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะเวลาในการแจ้งเตือนจากอีเมลที่โผล่ขึ้นมาบนหน้าจอระหว่างการใช้งานโทรศัพท์มือถือเป็นเวลาที่สั้น ดังนั้นแบรนด์ต้องเน้นการสร้างหัวเรื่องที่ตลกมากพอ จนสามารถดึงดูดสายตาของผู้ใช้จนคลิกเปิดเข้ามาที่อีเมลได้ เท่านี้ก็จะช่วยแก้ปัญหายอดการเปิดอีเมลที่ต่ำ และเพิ่มยอดการตอบสนองให้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

สร้างความสัมพันธ์โดย Social Media

75% ของผู้คนจะติดตามแบรนด์ที่ตลกบนช่องทาง Social Media แต่กลับมีแบรนด์เพียงแค่ 15% เท่านั้นที่สร้างเสียงหัวเราะให้แก่ลูกค้าบนโซเชียล

48% ของผู้คนไม่เชื่อว่าตนเองจะมีความสัมพันธ์กับแบรนด์ได้ ยกเว้นแบรนด์นั้นทำให้พวกเขายิ้ม หรือหัวเราะ และ 41% ถอยออกจากแบรนด์ที่ไม่ได้ทำให้พวกเขายิ้ม หรือหัวเราะบ่อยครั้ง

80% ของลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าจากแบรนด์นั้นๆอีกครั้ง

80% ของลูกค้าจะแนะนำแบรนด์นั้นๆให้กับเพื่อน และครอบครัว

72% ของลูกค้าจะเลือกแบรนด์ที่ตลกมากกว่าแบรนด์ที่เน้นการแข่งขัน

63% ของลูกค้าใช้จ่ายกับแบรนด์มากขึ้น

การพูดคุย หรือการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านโซเชียลมีเดีย (Social Media Interaction) ก็ถือว่าเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่มีประสิทธิภาพเช่นกัน อย่างที่รู้กันว่าปัจจุบันนี้โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลอย่างมากในการสร้างภาพลักษณ์ต่อแบรนด์ เพราะฉะนั้นการพูดคุย เพื่อสร้างอารมย์ขัน และรอยยิ้มให้แก่ลูกค้า สามารถสร้างความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ให้แนบแน่นกว่าเดิม เช่น การตอบคอมเม้นลูกค้า หรือผู้คนผ่าน Twitter หรือ Facebook การเม้นแซว หรือเล่นมุกตลกกับผู้คนบนออนไลน์ เป็นต้น เพราะนอกจากจะได้กระชับความสัมพันธ์กับลูกค้า และสร้างภาพลักษณ์ความเป็นมิตรเข้าถึงง่ายให้กับแบรนด์แล้ว แบรนด์ก็จะได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย

หลายๆแบรนด์อาจมองว่ากลยุทธ์สร้างรอยยิ้มเป็นกลยุทธ์ที่อาจทำลายภาพลักษณ์ของแบรนด์ ทำให้แบรนด์ดูไม่มีความน่าเชื่อถือ ดูเป็นตัวตลกให้ผู้คนหัวเราะเยอะ จึงเลี่ยงที่จะใช้กลยุทธ์นี้ในการสร้างความสัมพันธ์ และทำการตลาด แต่ในทางกลับกันกลยุทธ์สร้างรอยยิ้มกลับเป็นกลยุทธ์ที่มีความน้อยแต่มาก สามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างทวีคูณ เผลอๆอาจเกิดเป็นไวรัลได้อีก ให้ภาพลักษณ์ว่าเป็นแบรนด์สร้างความสุข แถมยังกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ในระยะยาว ณ ตอนนี้ยังมีแบรนด์ไม่มากนักที่ใช้กลยุทธ์สร้างรอยยิ้มแก่ผู้บริโภค แต่กลยุทธ์นี้ก็กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นทุกๆวัน ดังนั้นถ้าแบรนด์ไหนอยากเพิ่มยอดขายให้ได้มากกว่าคู่แข่ง หรืออยากรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเก่า และดึงดูดลูกค้าใหม่ กลยุทธ์สร้างรอยยิ้มก็ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจมากในตอนนี้